Future-Ready Leadership: Microservices, Cloud Native & DevOps

  • TTCS05
  • Classroom
  • Fundamental
  • Thai | 0
Cloud Services

การรวมพลังของสามประสาน Microservices, Cloud Native และ DevOps เป็นแนวคิดที่พึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ หาก Microservices มอบความละเอียดทางสถาปัตยกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ

Course description

Time
Days :
3 Day(s)
Duration :
18 Hour(s)
Time :
09:00:00 - 16:00:00
Training Date :
04-06 March 2026
Status :
Open Register
Instructor
Language :
Thai
Venue
Venue :
Software Park Training Room 3rd floor, Software Park Building Chaengwattana Road, Pakkred
Type :
Classroom
Future-Ready Leadership: Microservices, Cloud Native & DevOps

สถาปัตยกรรมแบบ Monolithic ซึ่งเป็นแนวทางดั้งเดิมในการสร้างแอปพลิเคชัน ทำงานเป็นหน่วยเดียวที่ใหญ่และเชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนา ในแอปพลิเคชันแบบ Monolithic ระบบปฏิบัติการ, Middleware และภาษาที่ใช้มักจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งานเฉพาะเจาะจงแต่ละแอปพลิเคชัน ทำให้การเปลี่ยนแปลงในส่วนหนึ่งของระบบต้องอาศัยการคอมไพล์, ทดสอบ, และนำไปใช้ใหม่ทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้เกิดความยุ่งยากเมื่อระบบเติบโตขึ้น เนื่องจากสร้างความยุ่งเหยิงและยากต่อการเปลี่ยนแปลง, ทดสอบ, และบริหารจัดการระบบได้ตลอดเวลาวงจรการพัฒนาที่ช้า, ความเสี่ยงสูงในการนำไปใช้งาน, และการขาดความคล่องตัวของสถาปัตยกรรมแบบ Monolithic จึงเป็นปัจจัยหลักที่จำกัดความสามารถขององค์กรในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

Microservices: สถาปัตยกรรมที่จำเป็นสำหรับความคล่องตัว Microservices คือสถาปัตยกรรมที่ประกอบด้วยชุดของบริการขนาดเล็ก, อิสระ, และเชื่อมโยงกันอย่างหลวมๆ โดยแต่ละบริการจะมุ่งเน้นการจัดการความสามารถทางธุรกิจเพียงอย่างเดียวภายในบริบทที่จำกัด แนวคิดหลักคือการสร้างบริการที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง (self-contained) และมีหน้าที่รับผิดชอบในการคงสถานะข้อมูลของตนเองไว้ เพื่อให้แอปพลิเคชันแบบ Microservice ประสบความสำเร็จ จะต้องยึดมั่นในหลักการสำคัญ 5 ประการ ได้แก่: การมีหน้าที่รับผิดชอบเดียว (Single concern), การมีขอบเขตที่ชัดเจน (Discrete boundaries), การเคลื่อนย้ายได้ง่าย (Transportable), การเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง (Carries its own data), และการมีอายุการใช้งานที่สั้น (Inherently ephemeral)หลักการ "Single concern" ที่ระบุว่าบริการควรทำสิ่งเดียวและสิ่งเดียวเท่านั้น และหลักการที่ว่าบริการควรเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเองนั้น มีนัยสำคัญอย่างยิ่งในระดับองค์กร การตัดสินใจทางสถาปัตยกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นการบังคับให้ทีมต้องทำงานอย่างเป็นอิสระและเป็นเจ้าของขอบเขตทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงอย่างเต็มรูปแบบ วิธีการนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการตัดสินใจแบบรวมศูนย์ที่พบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อมแบบ Monolithic ที่มีผู้นำเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียวเป็นผู้รับผิดชอบ ทำให้เกิดคอขวดและขาดความคล่องตัว การนำสถาปัตยกรรม Microservices มาใช้จึงเป็นการสร้างความเชื่อมโยงเชิงสาเหตุ: การตัดสินใจทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมจะส่งผลโดยตรงต่อวัฒนธรรมองค์กรและโครงสร้างการทำงาน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทีมมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการออกแบบ, พัฒนา, และนำบริการไปใช้ได้อย่างอิสระ รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีแลเครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการของตน การกระจายความรับผิดชอบนี้สร้างความรู้สึกของการเป็นเจ้าของและส่งเสริมแนวทางเชิงรุกในการจัดการบริการในที่สุด

Cloud Native: กรอบความคิดที่เหนือกว่าแค่คลาวด์ การทำความเข้าใจความแตกต่างที่สำคัญ ระหว่าง "คลาวด์" กับ "Cloud Native" เป็นสิ่งสำคัญ คลาวด์หมายถึงแหล่งทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าถึงได้ตามความต้องการ ในทางตรงกันข้าม "Cloud Native" เป็นกรอบความคิดหรือแนวทางในการสร้าง และรันแอปพลิเคชันที่ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติความยืดหยุ่นและลักษณะการกระจายของโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ได้อย่างเต็มที่ การนำแนวทาง Cloud Native มาใช้เป็นเรื่องของวิธีการสร้างและส่งมอบแอปพลิเคชันไม่ใช่แค่สถานที่ที่แอปพลิเคชันถูกนำไปใช้

สถาปัตยกรรม Cloud Native ได้รับการออกแบบมาเพื่อแยกส่วนประกอบต่างๆ ออกเป็นบริการที่เชื่อมโยงกันอย่างหลวมๆ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและระเบียบวิธีที่สำคัญ เช่น DevOps, Continuous Deliveryและ Continuous Integration, Containers, Microservices และ Declarative APIs แนวทางนี้ช่วยให้ทีมสามารถนำส่วนประกอบต่างๆ ไปใช้และปรับขนาดได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถอัปเดต, แก้ไขปัญหา, และส่งมอบฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้โดยไม่มีการหยุดชะงักของบริการ ตัวอย่างเช่น การใช้ Software containers ทำให้แอปพลิเคชันมีขนาดเล็กและสามารถย้ายจากสภาพแวดล้อมหนึ่งไปยังอีกสภาพแวดล้อมหนึ่งได้โดยแทบไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย นอกจากนี้ยังช่วยลดพื้นผิวการโจมตีและทำให้การตรวจจับและตอบสนองต่อช่องโหว่ใหม่ๆ ง่ายขึ้นอีกด้วย

DevOps: กลไกทางวัฒนธรรมสำหรับการส่งมอบที่รวดเร็ว DevOps เป็นแนวคิดเชิงวัฒนธรรมที่ประสานงานระหว่างทีมพัฒนา (Development) และทีมปฏิบัติการ (Operations) เข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความเร็วและความน่าเชื่อถือในการส่งมอบซอฟต์แวร์ หัวใจสำคัญของ DevOps ไม่ใช่ตำแหน่งงานหรือทีมใดทีมหนึ่ง แต่เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมที่ทีมงานทั้งหมดทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับปรุงความสามารถในการพัฒนา, ทดสอบ, บริหารจัดการ, นำไปใช้, ตรวจสอบ, และแก้ไขซํ้าแอปพลิเคชันวัฒนธรรม DevOps ที่แข็งแกร่งยึดมั่นในหลักการสำคัญ เช่น การทำงานร่วมกัน, การสื่อสารแบบไร้การตำหนิ (blameless communication), การใช้ระบบอัตโนมัติ (automation) และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องการเพิ่มความถี่ในการทดสอบและจำนวนการทดสอบช่วยลดโอกาสในการนำข้อบกพร่องเข้าสู่ระบบการผลิตและการลดงานที่ต้องทำด้วยตนเองและการทำให้งานที่เกิดซํ้าๆ เป็นอัตโนมัติจะช่วยเร่งกระบวนการและเพิ่มความสมํ่าเสมอให้กับผลลัพธ์ อย่างไรก็ตาม แนวคิด DevOps นี้มักถูกเข้าใจผิดจนนำไปสู่กับดักที่ผู้นำควรหลีกเลี่ยง เช่น การสร้าง "ทีม DevOps" ที่แยกต่างหาก หรือการมี "ฮีโร่ DevOps" เพียงคนเดียว

ความเข้าใจนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การสร้างทีม "DevOps" ที่แยกต่างหากจะสร้างไซโลขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรัชญา DevOps ตั้งใจจะกำจัดตั้งแต่แรก แทนที่จะกระจายหน้าที่และความรับผิดชอบไปทั่วทั้งองค์กรการมีทีมเฉพาะกิจนี้จะสร้างคอขวดใหม่และขัดขวางการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่แท้จริงของการเป็นเจ้าของงานตั้งแต่ต้นจนจบ การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้นำระดับสูงและมีผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่เข้าใจความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมนี้อย่างถ่องแท้ ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะต้องไม่เปลี่ยนแค่ตำแหน่งงาน แต่ต้องเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากโครงสร้างการทำงานที่แยกส่วนเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

การรวมพลังของสามประสาน Microservices, Cloud Native และ DevOps เป็นแนวคิดที่พึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ หาก Microservices มอบความละเอียดทางสถาปัตยกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ, Cloud Native ก็มอบโครงสร้างพื้นฐานแบบไดนามิกที่จำเป็น เช่น Containers และ APIs และDevOps คือกาวทางวัฒนธรรมและกระบวนการที่ทำให้ทุกอย่างทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ผ่านContinuous Integration และ Continuous Delivery (CI/CD) และระบบอัตโนมัติ การผสานรวมกันนี้ช่วยให้องค์กรสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น, มีความเสถียรมากขึ้น, และปรับขนาดได้อย่างง่ายดาย หากขาดองค์ประกอบใดไป การเปลี่ยนแปลงก็จะไม่สมบูรณ์และจะเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในระยะยาว

หลักสูตรนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่ต้องการมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและปรับปรุงประสิทธิภาพในองค์กร กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้บริหารและผู้นำในสายงานต่างๆ เช่น ผู้จัดการธุรกิจไอที, ผู้จัดการไอที, ผู้อำนวยการ, เจ้าของผลิตภัณฑ์ (Product Owners), Scrum Masters, ผู้บริหารฝ่ายสนับสนุนการปฏิบัติงาน, และผู้ปฏิบัติงาน DevOps นอกจากนี้ยังรวมถึงบุคคลที่มีบทบาทเชิงกลยุทธ์ เช่น Chief Technology Officer (CTOs) และ VPs of Engineering ที่ต้องการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในระดับองค์กร หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการสร้างผู้นำที่สามารถทำงานร่วมกันเพื่อทำลายไซโล และนำการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมไปสู่ทุกระดับขององค์กร

คุณสมบัติของผู้เข้าอบรม

  • ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคำศัพท์ DevOps ทั่วไป
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ Container และสถาปัตยกรรม Microservices
  • ความเข้าใจพื้นฐานของ Cloud Computing
  • ความรู้เกี่ยวกับ Kubernetes Core Concepts เช่น Pods, Services, และ Deployments
  • ประสบการณ์ในการจัดหา, ปฏิบัติงาน, และบริหารจัดการสภาพแวดล้อมบน AWS, Azure, หรือGoogle Cloud Platform (GCP) เป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป
  • ความรู้ในการทำงานกับภาษาโปรแกรมระดับสูงอย่างน้อยหนึ่งภาษา (เช่น C#, Java, Python)
  • ประสบการณ์กับ Docker รวมถึงการจัดการ Container และการสร้าง Docker Image

เชิงกลยุทธ์:

  • แปลงความต้องการทางธุรกิจให้เป็นวิสัยทัศน์ทางสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย
  • สื่อสาร "เหตุผล" ของการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและจูงใจทีมงาน
  • ขับเคลื่อนและบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและองค์กรที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จ

เชิงปฏิบัติการ:

  • เข้าใจรูปแบบและรูปแบบที่ไม่เหมาะสม (anti-patterns) ที่สำคัญในสถาปัตยกรรม Microservices และ Cloud Native
  • ระบุและลงทุนในแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ เช่น CI/CD, Infrastructure as Code (IaC) และ Observability
  • วัดผลความสำเร็จด้วยตัวชี้วัดและ KPIs ที่เกี่ยวข้อง

Day 1 Microservice

  • Introduction to Microservice Architecture
    • Monolithic Architecture
    • Microservice Architecture
  • How to decompose
  • Related Patterns
    • Service Discovery
    • Circuit Breaker
    • Security
    • Monitoring
    • API Gateway
    • External Configuration

Day 2 Cloud Native

  • Introduction to Cloud Native
  • Comparison : The key differences between Cloud Native, Cloud-based, and On-premises
  • Get Started with GIT technologies
  • The Core: Containerization with Docker
  • Container Concepts: Why do we need containers?
  • What is Container Base Technologies?
  • Get Started with Containerization
    • Docker
    • K8S [Kubernetes]

Day 3 DevOps

  • Introduction to DevOps
  • DevOps Flow
  • How to Build Automation
  • What is Continuous Integration and Continuous Deployment
  • Getting started with Jenkins
  • Continuous Integration with Jenkins
  • Continuous Inspection with Jenkins
  • Continuous Delivery with Jenkins
  • Distributed Builds

Payment can be made by:

  1. Cash or Credit Card or Bank Cheque payable to
    สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ or National Science and Technology Development Agency
    (a post-dated cheque is not accepted) on the first day of the service or within the last day of the service.

  2. Account transfer and send the proof of the payment (the deposit slip) via email xxx@swpark.or.th

    • ธนาคารกรุงเทพ สาขาอุทยานวิทยาศาสตร์
      Saving Account Number: 080-0-00001-0
      Account Name: สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

    • ธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดไท
      Saving Account Number: 152-1-32668-1
      Account Name: สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

Notes:

  • Withholding tax (3%) is exempt.
  • Should you need to withdraw, you must send the notice of the withdrawal in writing no later than 7 working days before the commencement date. The cancellation less than 7 days will be subject to a fine of 40% of the fee.
  • Software Park Thailand reserves the rights to cancel courses due to unforeseen circumstances.

Contact Person

For more information, contact our course coordinator on:

คุณภัสสร พรทิพย์

Ms. Patsorn Pornthip

Tel: +66-2583-9992 Ext. 81422

Email:  patsorn@swpark.or.th

You are encouraged to use the course schedule as a guide to plan your training.
The schedule is accessible at www.swpark.or.th for more information. 


เพิ่มเพื่อน

12,000 THB .

สำคัญ!!! กรุณารอการยืนยันเปิดการอบรมจากเจ้าหน้าที่ก่อนการชำระค่าลงทะเบียน

Enroll now

Course Detail :
Days :
3 Day(s)
Duration :
18 Hour(s)
Time :
09:00:00 - 16:00:00
Training Date :
04-06 March 2026
Status :
Open Register

Instructor info
avatar
Mr.Sommai Krangpanich